ต้องบอกเลยว่าในปัจจุบันนี้หลายๆ คนก็คงจะเคยได้ยินคำว่าการดูแลผู้ป่วยแบบ palliative careซึ่งมีแต่จะแพร่หลายเพิ่มมากไปกว่าเดิม และได้ยินจนคุ้นหู ซึ่งคงมีคนที่สงสัยใช่ไหมว่าทำไมจู่ๆ การดูแลผู้ป่วยแบบ palliative careจึงได้เป็นที่นิยม และข้อดีของการดูแลประคับประคองคืออะไรกันแน่ วันนี้เรามีคำตอบในเรื่องที่สงสัยมาฝากกันแล้ว 

1.ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ประเทศผู้สูงวัย 

หากถามว่าวัยใดที่มีโอกาสได้รับการดูแลผู้ป่วยแบบ palliative careมากที่สุด ร้อยทั้งร้อยก็ต้องตอบว่าวัยชราอย่างแน่นอน ซึ่งแท้จริงแล้ววัยชราเป็นวัยที่จะต้องได้รับสิ่งที่เหมาะสมและเสริมสร้างความสุขให้กับตนเอง นั่นเป็นเพราะว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ยังไม่มีสวัสดิการให้คนสูงวัยมากนัก ลำพังแค่เงินหกร้อยบาทก็อาจไม่ทำให้ยังชีพได้ อย่างไรก็ดีเมื่อคนสูงวัยมีมากขึ้นกว่าเดิม ก็หมายความว่าอาจจะมีคนป่วยด้วยโรครักษาไม่หายมากกว่าเดิม นำไปสู่การตัดสินใจรักษาแบบประคับประคองนั่นเอง 

2.ความรู้ทางการแพทย์แพร่หลายมากขึ้น 

แต่ก่อนนี้ความรู้ทางการแพทย์จะจำกัดอยู่แค่ในวงของคนที่ทำการรักษาเท่านั้น เช่นแพทย์ พยาบาล  แต่ในปัจจุบันนี้ความรู้ทางการแพทย์ได้รับความแพร่หลายมากกว่าเดิม ส่วนหนึ่งก็เนื่องจากว่ามีการแปลหนังสือวิชาการภาษาอังกฤษมาสู่มือนักอ่านชาวไทยมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีความรู้ที่ส่งต่อผ่านทางบทความภาษาอังกฤษ และยังมีการแปลโดย Google อีกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด หากว่าทุกๆ คนจะมีความรู้ทางการแพทย์หลายอย่าง โดยไม่จำเป็นต้องรอให้แพทย์หรือพยาบาลบอก ทุกคนมีสิทธิ์จะได้อ่านรีวิวประสบการณ์ ของคนที่รักษาคนป่วยแบบสุดทาง เช่นการเจาะคอ การเจาะสายให้อาหาร และเห็นพ้องต้องกันว่าทำให้คนป่วยเจ็บปวด ในขณะเดียวกันก็มีสิทธิ์ที่จะได้อ่านบทความจากผู้มีประสบการณ์ดูแลคนใกล้ชิดที่ต้องรับการรักษาแบบประคับประคอง และเห็นว่าเหมาะสมกับผู้ป่วยโรคเรื้อรังอย่างมาก  

3.ต้องการให้คนป่วยมีความสุขที่สุด 

เพราะแท้ที่จริงแล้วคนป่วย คือเจ้าของชีวิตของตนเอง ไม่ได้มีใครมากำหนดให้ ดังนั้นจะดีกว่าหรือไม่หากเราช่วยให้ผู้ป่วยมีความสุขมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และสามารถออกแบบได้ว่า วาระสุดท้ายของตนเองจะเป็นอย่างไร เจ็บปวดแค่ไหน หรือไม่เจ็บปวดเลย 

และนี่ก็คือเหตุผลที่การดูแลผู้ป่วยแบบ palliative careได้รับความนิยม สิ่งที่หลายๆ คนอาจจะไม่รู้มาก่อนเกี่ยวกับการรักษาหรือว่าการดูแลประคับประคอง แม้เป็นเรื่องใหม่ของไทยเพียงใด แต่ต้องยอมรับว่าหัวข้อนี้เริ่มมีคนที่สนใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นหลักประกันว่าคนไทยตระหนักรู้ในสิทธิของตนเองแล้ว